Review: The Mule (Clint Eastwood, 2018)
ขึ้นชื่อว่าเป็นงานกำกับของ คลินต์ อีสต์วูด รับประกันมารตรฐานระดับคุณภาพอยู่แล้ว ซึ่ง The Mule เป็นอีกหนึ่งผลงานระดับคุณภาพทั้งเนื้อหาสาระแฝงข้อคิดการใช้ชีวิต หนังนำเสนอเรื่องราวของ เอิร์ล สโตน (คลินต์ อีสต์วูด) ชายชราวัย 90 ปี อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 เขามีอาชีพเป็นคนขายดอกไม้และบ้างานรักงานเป็นชีวิตจิตใจ แต่แล้วเมื่อโลกหมุนเปลี่ยนขับเคลื่อนด้วยอินเตอร์เน็ต ธุรกิจดอกไม้ของเขาก็ปิดกิจการลง ทำให้คุณปู่ตกงานในทันที
ด้วยวัยใกล้ฝั่ง ปู่จึงย้อนนึกถึงครอบครัวตัวเองที่ไม่เคยให้ความสำคัญเท่ากับงานที่ทำ ไม่เคยไปงานสำคัญขอคนในครอบครัวเพราะตลอดชีวิตมุ่งมั่นแต่จะทำงานดูแลดอกไม้ แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันเมื่อปู่ตกงานแต่เขาก็ได้งานที่สร้างรายได้อย่างดีหลังจากนั้น คือ การขนยาเสพติดให้กับกลุ่มนักค้าชาวเม็กซิกัน โดยตอนแรกปู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขนอะไร ปู่ทำหน้าที่แค่ขับรถไปให้ถึงเป้าหมายและจอดรถทิ้งไว้ หลังจากนั้นก็กลับมาเอารถและขับกลับเป็นอันเสร็จงาน แน่นอนว่า งานนี้ได้เงินดีและปู่ก็นำเงินไปให้หลานสาวตัวเองเพื่อพยายามชดใช้สิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาดกับลูกสาวและภรรยา
หนังมีประเด็นแทรกไว้ระหว่างการเดินทางขนยาเสพติดข้ามเมืองของปู่เอิร์ล เช่น คนข้ามชาติที่จะโดนเพ่งเล็งด้วยสายตาเหยียดหยาม หรือเป็นเป้าของตำรวจ การพูดจาเหยียดสีผิวของปู่เอิร์ลที่ทำเป็นเรื่องปกติเพราะคนเจเนอเรชั่นก็ทำกันเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ดี บทพูดและท่าทีของปู่เอิร์ล พฤติกรรมต่าง ๆ ที่แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำสิ่งผิดกฎหมายแต่การผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตมาเยอะก็ทำให้ปู่ตั้งรับกับทุกสถานการณ์ได้ดี ส่วนตัวละครสมทบฝั่งตำรวจแสดงนำโดย แบรดลีย์ คูเปอร์, ไมเคิล เพ็นยา แม้ไม่ได้มีบทมากนักแต่ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับเส้นเรื่องได้ดี
ท้ายสุด The Mule เป็นภาพยนตร์ที่เราค่อนข้างชอบด้วยพล็อตของหนังเองและข้อคิดการใช้ชีวิตจากตัวละครนำ ตลอดการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เกือบ 2 ชั่วโมง เปรียบเสมือนเรากำลังได้ชมบทเรียนชีวิตที่ผ่านไปแล้วและได้ฟังบทสนทนาจากคุณปู่คนหนึ่งที่ตกผลึกเข้าใจชีวิต นำเสนอแบบไม่ได้พยายามยัดเยียดหรือตั้งท่าคอยสั่งสอนผ่านท่าทีของคุณปู่ที่เป็นมิตรและเรียบง่ายธรรมดาคนหนึ่ง ปู่ที่ชื่นชอบชื่นชมดอกไม้และมีความสุขกับสองข้างทางด้วยความเพลิดเพลิน...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น