หนังเก่าเล่าใหม่ 174: Ikiru (Akira Kurosawa, 1952)

หนังเก่าเล่าใหม่ 174: Ikiru (Akira Kurosawa, 1952)



Ikiru เล่าเรื่องราว วาตานาเบ หัวหน้าแผนกบริการประชาชนสำนักเทศบาล เขาใช้ชีวิตท่ามกลางกองกระดาษไปวัน ๆ อย่างไร้ความหมาย เขาไม่เคยหยุดงานเลยตลอดชีวิตรับราชการกว่า 30 ปี แต่แล้ววันหนึ่งเขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งในกระเพาะ และหมอบอกว่าเขามีเวลาเหลืออยู่บนโลกใบนี้ไม่กี่เดือน ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด ทำให้ วาตานาเบ ตั้งคำถามถึงการมีชีวิตอยู่และทบทวนการใช้ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา



เมื่อเวลาชีวิตเหลือไม่มากนัก วาตานาเบ ในวัยเข้าใกล้เกษียณจึงลองทำกิจกรรมที่ตัวเองไม่เคยทำ เช่น การลาหยุดงานไปเที่ยวเล่น และเขาได้พบมิตรภาพจากเด็กสาววัยสดใส ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำสวนสาธารณะในพื้นที่สลัม การพยายามทำสวนสาธารณะต้องสู้กับความล่าช้าของระบบหน่วยงานราชการ และข้าราชการที่ไม่ทำงาน รวมถึงการคอรัปชั่น จนไปถึงการต่อสู้ทางการเมือง แต่สุดท้ายโครงการนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่ วาตานาเบ จะสิ้นลมหายใจ



ผู้กำกับ อาคิระ คุโรซาวา ใช้เวลากว่า 45 นาที ในงานศพของวาตานาเบ เพื่อบอกเล่าความดีงามของ วาตานาเบ ให้คนดูรับรู้ และเป็นฉากการโต้เถียงที่ดีงามถึงช่วงชีวิตของ วาตานาเบ ผู้ร่วงลับผ่านสายตาคนอื่น หนังใช้เวลาเล่าเรื่องทั้งหมดกว่า 2 ชั่วโมง ครึ่ง แน่นอนว่า อาคิระ คุโรซาวา ต้องการบอกเล่าถึงเรื่องราวความตายและการมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นบทเรียนให้กับคนดู รวมถึงจิกกัดเสียดสีระบบราชการไปพร้อมกัน



ความน่าสนใจของตัวละครนำในเรื่องคือ เขารู้ว่าตัวเองต้องตายเมื่อไหร่ ซึ่งความรู้สึกแรกและน่าจะเป็นกันทุกคนสำหรับคนทั่วไป คือความกลัวตาย ต้องพลัดพลากจากลูกชาย จากครอบครัว ซึ่งลูกชายเพียงคนเดียวได้แต่งงานมีครอบครัวและห่างเหินจากเขามานานหลังจากภรรยาของเขาได้เสียชีวิต ทำให้ตัวเขาต้องแบกรับชะตากรรมและความทนทุกข์เพียงลำพัง และเพราะการได้อยู่คนเดียวทำให้เขามีเวลาไตร่ตรองชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา



แง่งามของความตายที่กำลังมาเยือน วาตานาเบ ทำให้เขารับรู้ถึงการมีชีวิตมากกว่าครั้งไหน ๆ เขารับรู้ถึงกระทั่งความมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิต และเข้าใจว่าชีวิตเป็นของเขาเอง เขาสามารถเลือกใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้ ซึ่งช่วงเวลาแห่งอิสรภาพในครั้งนี้ เขาตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงสุดท้ายโดยถอนเงินทั้งหมดที่มีมาใช้เพื่อสนองความสุขของตัวเอง ซึ่งเขากลับพบว่าความสุขในการทำแบบนี้เป็นความสุขไม่แท้ สุดท้าย วาตานาเบ จึงตัดสินใจอุทิศชีวิตช่วงสุดท้ายเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและใช้ความสุขไปกับความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวในที่ทำงานของเขา และกำลังจะลาออก



ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวทำให้ วาตานาเบ เข้าใจถึงความสุขอย่างแท้จริง และงานที่ทำเพื่อผู้อื่น การพูดคุยกันระหว่างหญิงสาวทำให้เขาเข้าใจความหมายของการมีชีวิต และงานที่มีความหมาย จุดนี้เองคือจุดพลิกผันให้ วาตานาเบ ตามหาความหมายของงานประจำที่ตัวเองทำมาอย่างยาวนาน นั้นคืองานบริการประชาชนที่ควรจะช่วยเหลือประชาชนจริง ๆ เสียที เขาจึงใช้เวลาทั้งหมดในชีวิตที่เหลืออุทิศตนสร้างสวนสาธารณะขึ้นมาเพื่อผู้คน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตและคุณค่าของงานที่ทำ ทุกงานนั้นมีคุณค่าและประโยชน์ไม่มากก็น้อยและทุก ๆ งานจะเชื่อมโยงมีประโยชน์ต่อผู้อื่นเสมอ...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ :)

ตัวอย่าง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น