Review : Dallas Buyers Club สอนโลกให้รู้จักกล้า
วิจารณ์โดย Form Corleone
ตามดูหนังที่เข้าชิง Oscar ซึ่งก็ทยอยเข้าโรงตามบ้านเราเรื่อยๆ Dallas Buyers Club เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เข้าชิง Oscar และน่าจับตามองโดยเฉพาะตำแหน่งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม Matthew McConaughey รับบทเป็น Ron Woodroof หนุ่มคาวบอยอาชีพช่างไฟ ที่เมาทั้งวัน เล่นยา มั่วผู้หญิง ที่พึ่งรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ HIV และเหลือเวลาใช้ชีวิตเพียงแค่ 30 วัน หนังสร้างมาจากเรื่องจริงในยุค 80 ในสมัยก่อนเชื้อ HIV เชื่อว่าเป็นโรคของพวกเกย์ ซึ่งก็ทำให้ Ron Woodroof ผู้ที่เป็นแมนแท้ๆ ถูกมองว่าเป็นเกย์ ชีวิตเริ่มแย่ลงเรื่อยๆๆ
แต่ด้วยความหวังและต้องการมีชีวิต Ron Woodroof ก็พยายามค้นหายาที่รักษาตัวเองได้และได้พบกับยาที่ช่วยเบาเทาอาการ แต่ยาตัวนี้ผิดกฎหมายในสหรัฐ ทำให้เขาต้องแอบนำเข้ามาในประเทศและจำหน่าย ขาย ให้กับคนที่เป็นโรค HIV จนตั้งชื่อว่า Dallas Buyers Club ซึ่ง Club เล็กๆ นี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ร่วมชะตากรรมแบบเดียวกับเขา
Woodroof ได้พบกับ Rayon รับบท Jared Leto หุ้นส่วนซึ่งเป็นเพศที่ 3 จากการที่เกลียดเพศที่ 3 ทำให้ Woodroof เริ่มเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองใหม่ และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น มองว่าทุกคนเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเกิดเป็นเพศไหน ทุกคนควรได้สิทธิเท่าเทียบกันในความเป็นมนุษย์
เหล่านักแสดงทุกบทบาท ทุ่มเทกันแบบเต็มๆ รู้สึกได้รับพลังในการนำเสนอตัวละครผ่านนักแสดงได้แบบ ถึงลูกถึงคน!! Jared Leto รับบทเป็นเพศที่ 3 แสดงได้เหมือนจริงๆ จนน่าคิดว่าเป็นจริงหรือเปล่า?? และได้เข้าชิง Oscar สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และอาจจะได้ด้วยซ้ำไปหลังได้เห็นคู่แข่งหลายคนไปแล้ว
โดยรวมหนังออกแนวเล่าเรื่องประวัติชีวิตของ Woodroof แต่นำเสนอออกมาในมุมที่ชวนให้คิดถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่เป็น HIV แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดโดยไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือนร้อน เรามีสิทธิที่จะใช้ชีวิต ในเรื่องยาที่ช่วยเบาเทาโรค HIV ของ Woodroof ไม่ผ่าน อย. ในสหรัฐ จึงไม่สามารถนำเข้ามาในประเทศเพราะผิดกฎหมาย ซึ่ง Woodroof ก็ได้ต่อสู้คดี ถึงสิทธิในการดำรงชีวิต ถึงแม้ว่าจะแพ้คดีก็ตาม แต่ตัวเขาได้ช่วยเหลือหรือต่อชีวิตให้ใครหลายคน จากที่หมอบอกว่าเขาจะอยู่ได้แค่ 30 วัน กลับกลายเป็นอยู่บนโลกนี้ไป 7 ปี เพราะต้องการชีวิต ลองนึกดูว่าถ้าเรารู้ว่าจะตายใน 30 วัน เราจะทำยังไง มันไม่ตลกเลยจริงๆ!
เหล่านักแสดงทุกบทบาท ทุ่มเทกันแบบเต็มๆ รู้สึกได้รับพลังในการนำเสนอตัวละครผ่านนักแสดงได้แบบ ถึงลูกถึงคน!! Jared Leto รับบทเป็นเพศที่ 3 แสดงได้เหมือนจริงๆ จนน่าคิดว่าเป็นจริงหรือเปล่า?? และได้เข้าชิง Oscar สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และอาจจะได้ด้วยซ้ำไปหลังได้เห็นคู่แข่งหลายคนไปแล้ว
โดยรวมหนังออกแนวเล่าเรื่องประวัติชีวิตของ Woodroof แต่นำเสนอออกมาในมุมที่ชวนให้คิดถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่เป็น HIV แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดโดยไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือนร้อน เรามีสิทธิที่จะใช้ชีวิต ในเรื่องยาที่ช่วยเบาเทาโรค HIV ของ Woodroof ไม่ผ่าน อย. ในสหรัฐ จึงไม่สามารถนำเข้ามาในประเทศเพราะผิดกฎหมาย ซึ่ง Woodroof ก็ได้ต่อสู้คดี ถึงสิทธิในการดำรงชีวิต ถึงแม้ว่าจะแพ้คดีก็ตาม แต่ตัวเขาได้ช่วยเหลือหรือต่อชีวิตให้ใครหลายคน จากที่หมอบอกว่าเขาจะอยู่ได้แค่ 30 วัน กลับกลายเป็นอยู่บนโลกนี้ไป 7 ปี เพราะต้องการชีวิต ลองนึกดูว่าถ้าเรารู้ว่าจะตายใน 30 วัน เราจะทำยังไง มันไม่ตลกเลยจริงๆ!
หนึ่งฉากในหนัง คือฉากที่ Woodroof เข้าไปในข้างหลังห้องยาที่ Mexico และมีฝูงผีเสื้อบินมาเกาะมากมาย ในเชิงสัญลักษณ์ ผมมองว่ามันคือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากยาตัวนี้และ Woodroof ก็เป็นเสาหลักให้ผีเสื้อที่แทนด้วยผู้ป่วยได้มาพึ่งพิง โดยที่ตัวของ Woodroof ก็ยินดีและพร้อมที่จะตอนรับผีเสื้อเหล่านี้เข้ามาสู่ “Dallas Buyers Club”
สุดท้าย Dallas Buyers Club คือหนังดราม่าที่อาจจะดูช้าๆเกินไป แต่อารมณ์ของเหล่านักแสดงก็จัดออกมาแบบเต็มๆ ถ่ายทอดเรื่องราวเล่าผ่านช่วงชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิทธิในการมีชีวิต ทุกอย่างถูกนำเสนอออกมาได้อย่าน่าประทับใจ และเชื่อว่า “Dallas Buyers Club” น่าจะเป็น Club ที่ให้อารมณ์ซาบซึ้งแน่นอนครับ!! ขอให้มีความสุขกับการดูหนัง
สุดท้าย Dallas Buyers Club คือหนังดราม่าที่อาจจะดูช้าๆเกินไป แต่อารมณ์ของเหล่านักแสดงก็จัดออกมาแบบเต็มๆ ถ่ายทอดเรื่องราวเล่าผ่านช่วงชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิทธิในการมีชีวิต ทุกอย่างถูกนำเสนอออกมาได้อย่าน่าประทับใจ และเชื่อว่า “Dallas Buyers Club” น่าจะเป็น Club ที่ให้อารมณ์ซาบซึ้งแน่นอนครับ!! ขอให้มีความสุขกับการดูหนัง
ตัวอย่างหนัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น