หลายคนอ่านชื่อเรื่องแล้วคงคิดว่าต้องเป็นหนังแอ๊บแบ๋ว แบบเด็กๆ แน่ๆ เลย แต่จะบอกไว้นะครับว่าเรื่องนี้โดนแบนไม่ให้ฉายในบางประเทศ แต่ว่่ากลับได้รางวัลออสการ์ Best Art Direction อยากรู้เป็นยังไงต้องดูให้ได้ครับ ห้ามพลาด
จะเริ่มฉายหนังแล้วนะครับ ใครที่กลัวว่าดูก่อนได้ดูหนังจริงแล้วจะเสียอารมณ์ก็ปิดไปเลยครับ
หนังเรื่องนี้มีฉาก หรือเนื้อหา คำพูดที่รุนแรงมาก โปรดใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการรับชม เพราะเรื่องศีลธรรม จริยธรรม คนเราคิด ตัดสินกันเองได้ครับ สอนกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
เกริ่นเรื่อง
สเปนในปี 1944 เป็นเรื่องราวที่อยู่ในสมัยสิ้นสุดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายพันธมิตรและ ฝ่ายเผด็จการฟานซิสต์ แต่ก็ยังมีกลุ่ม New ฟานซิสต์ที่หลงเหลือ ซ่องสุมกองกำลังอยู่ในหุบเขา ทางฝ่ายพันธมิตรเลยมีคำสั่งให้ถอนรากถอนโคนทิ้งซะ....
เปิดโรง......
เมื่อนานมาแล้ว....ยังดินแดนที่ไม่มีทั้งการหลอกลวง โป้ปด และปราศจากความทุกข์ใดๆ ยังมีเจ้่าหญิงองค์หนึ่งซึ่งฝันถึงโลกมนุษย์อันสวยงามที่มีทั้งท้องฟ้าสีคราม สายลม และแสงแดด
วันหนึ่ง...เธอได้พยายามหลบหนีออกไปยังโลกมนุษย์
แต่ทว่า.... แสงแดดที่เจิดจ้านั้นเป็นเสมือนม่านบังตา ทำให้เจ้่าหญิงลืมทุกสิ่งที่ผ่านมา
เจ้าหญิงจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาจากไหน ร่างกายของเธอทรมาณด้วยความหนาวเย็น และความเจ็บปวด และในท้ายที่สุดเจ้าหญิงก็สิ้นพระชนม์ลง
แต่องค์ราชาพ่อของเจ้าหญิง รู้ว่าวันนึงวิญญาณของเจ้าหญิงจะกลับคืนมา เพียงแต่อยู่ในคนละร่างกาย คนละที่ และคนละเวลา...องค์ราชาจะเฝ้ารอเจ้าหญิงกลับมา จนกว่าจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายของเค้า...
และคนที่อ่าน หนังสือเล่มนี้อยู่ก็คือ โอฟีเลีย นางเอกแสนสวยของเรา และที่นั่งข้างๆ ก็คือแม่ของโอฟีเลีย ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ใกล้คลอดเต็มที ทั้งสองอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังค่ายทหารของกัปตันไวเดิล
แม่ของโอฟีเลีย บอกโอฟีเลียว่าอย่าไปหมกมุ่นกับพวกหนังสือเทพนิยาย ให้มันมากนัก เพราะมันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
ในระหว่างนั้นเองแม่ของโอฟีเลีย ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก จึงบอกให้โอฟีเลียบอกคนขับให้หยุดรถ
รถก็ได้หยุดลงกลางป่าแห่งหนึ่งระหว่างทาง
แม่ของโอฟีเลียอาการไม่ค่อยดี จึงลงมาอาเจียน โอฟีเลียจึงใช้โอกาสนี้เดินชมวิว
ระหว่างที่โอฟีเลียกำลังเดินชมวิวอยู่นั้นเอง โอฟีเลียก็ได้ไปพบกับหินประหลาดก้อนหนึ่งวางอยู่บนพื้น
เธอเลยหยิบมันขึ้นมาดู
โอฟีเลียกำลัง งง ว่าหินประหลาดก้อนนี้มาจากไหน เธอเลยเดินไปเดินมา จนไปเจอกับเสาหินต้นหนึ่ง
เธอจึงเดินไปดูอีกด้าน และเธอเห็นว่าหินประหลาดเมื่อกี้มันน่าจะหลุดออกมาจากเสาหินต้นนี้
โอฟีเลียจึงเอาหินยัดกลับเข้าไปในเสาหินต้นนั้น
ปรากฎว่าเมื่อยัดหินกลับเข้าไป ก็ได้มีแมลงสตาร์บัคค์ ออกมาจากปากของเสาหิน
แมลงสตาร์บัคค์ไปเกาะบนรูปปั้นนั้นพร้อมทั้งมองหน้าของโอฟีเลีย
ในขณะที่จ้องตากันอยู่นั้นเอง แม่ของโอฟีเลีย ก็เรียกโอฟีเลียให้ไปขึ้นรถ แมลงสตาร์บั๊คก็เลยบินจากไป
แม่ของโอฟีเลียบอกโอฟีเลียว่า เมื่อไปถึงค่ายแล้ว ให้เรียกกับตันไวเดิล ว่าพ่อ ซึ่งทำให้โอฟีเลียไม่ค่อยพอใจ
" แม่อยากให้ลูกเรียกเค้าว่าพ่อ ลูกไม่รู้หรอกว่าเค้าดีกับเราขนาดไหน " |
ซึ่งในขณะนั้นแมลงสตาร์บัค ก็ได้แอบดูเหตุการณ์อยู่
ตัดฉากไปที่มือคนกำลังถือ นาฬิกาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
ที่แท้คนที่ถือนาฬิกาอยู่ก็คือ กัปตันไวเดิลจอมเนี้ยบ นี่เอง
" มาช้าไป 15 นาที " |
กับตันก็ได้เดินมาต้อนรับแม่ของโอฟีเลียอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับเอามือไปลูบท้องแม่ของโอฟีเลีย
หลังจากนั้นโอฟีเลียก็ได้เดินออกมาจากรถ มายืนจ้องหน้ากับกัปตันไวเดิล
โอฟีเลียยื่นมือไปหวังจะจับมือผูกมิตร
ทันใดนั้นเอง ก็โดนกัปตันเอามือมาบีบมือของโอฟีเลียอย่างแรง
" เค้าใช้มือขวาจับมือกันต่างหาก โอฟีเลีย " |
โอฟีเลียถึงกับเศร้าที่มาถึงปุ๊บก็โดนดุปั๊บ
แต่ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็ได้เห็นแมลงสตาร์บัค เกาะอยู่บนกระสอบด้านหน้าของเธอ
โอฟีเลียพยายามเข้าไปจับ แต่แมลงสตาร์บัคก็บินหนี
เธอจึงวิ่งตามแมลงสตาร์บัคไป
ในระหว่างที่วิ่งตามแมลงสตาร์บัคเข้าไปในป่านั้นเอง โอฟีเลียก็ต้องหยุดชะงักเมื่อไปเห็นซุ้มประตูที่ดูน่ากลัว
แต่โอฟีเลียก็ยังอุตส่าเดินเข้าไปดูด้านใน
ทันใดนั้นก็มีคนโผล่มา ซึ่งเธอก็คือ เมอซิเดส (เป็นคนรับใช้ของกัปตัน) เมอซิเดสได้บอกโอฟีเลียว่าที่นี้คือเขาวงกตที่มีอยู่แต่โบราณกาลนานมากแล้ว พร้อมทั้งบอกให้โอฟีเลียรีบกลับไป เพราะอาจจะพลัดหลงในเข้าวงกตได้
เมอซิเดส - คนรับใช้ของกับตันไวเดิล |
ระหว่างเดินกลับโอฟีเลียได้เล่าให้เมอซิเดสฟังว่า จริงๆ แล้วกัปตันไวเดิลไม่ได้เป็นพ่อของเธอ พ่อจริงๆ ของเธอเป็นทหาร และตายในสงคราม
ตอนเดินกลับก็ไม่วาย โดนแมลงสตาร์บัค จับตาดู
ตัดฉากมาที่ห้องประชุมของกัปตัน ซึ่งตอนนี้กำลังประชุมเรื่องการรับมือกับทหารพันธมิตร
ตอนประชุมอยู่ เมอซิเดสก็ได้นำอาหารมาเสิร์ฟ พร้อมทั้งทำท่าทางมีลับลมคมใน
ตัดฉากมายังห้องนอนแม่ของโอฟีเลีย ซึ่งตอนนี้หมอกร กำลังเตรียมยาให้แม่ของโอฟีเลียกินอยู่
หมอกร - หมอเก่งที่สุดประจำค่ายพัก เพราะมีอยู่คนเดียว |
ตอนออกมาจากห้องของแม่โอฟีเลีย เมอซิเดสก็ได้เดินมาคุยกับหมอกร ทั้งสองคนดูท่าทางมีลับลมคมใน และหมอกรได้มอบหีบห่อบางอย่างให้เมอซิเดสไป
" นี่คือทั้งหมดที่ผมสามารถหามาได้ " |
แต่ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็ได้แอบดูเหตุการณ์อยู่ ซึ่งเมอซิเดสดันไปเห็นพอดีว่าโอฟีเลียแอบดูอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นโอฟีเลียก็กลับเข้าห้อง ขณะนี้ทั้งสองคนแม่ลูกกำลังจะนอนพักผ่อน หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
ก่อนจะนอนโอฟีเลียก็ได้พูดเรื่องที่มาอยู่กับกัปตันไวเดิลให้ฟัง ว่าแม่คิดดีแล้วเหรอที่มาอยู่กับเขา แต่แม่ของโอฟีเลียก็ได้ให้เหตุผลไปว่า " แม่อยู่ตัวคนเดียวมันเหงา มาอยู่กับเขาดีกว่า "
แม่ของโอฟีเลีย ให้โอฟีเลียเล่านิทานให้น้องในท้องฟังก่อนนอน
ในระหว่างที่เล่าอยู่นั้นแมลงสตาร์บั๊ค ก็มาคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด
ตัดมาที่ห้องทำงานของกับตันไวเดิล ซึ่งตอนนี้หมอกรกำลังมารายงานอาการของแม่โอฟีเลียให้ฟัง ซึ่งกับตันถามถึงแต่อาการของลูกในท้อง โดยไม่ได้ใส่ใจอาการแม่ของโอฟีเลียเลย
สองพ่อลูกผู้โชคร้ายที่ไม่ได้ทำอะไรผิดพยายามจะอธิบายเรื่องราวต่างๆ
ด้วยความอำมหิตของกับตัน สองพ่อลูกเลยโดนฆ่าอย่างทารุณ ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไงก็ตาม
ในคืนนั้นเองโอฟีเลีย ได้ยินเสียงประหลาดจึงตื่นขึ้นมาดู
ที่แท้ก็เป็นเสียงของแมลงสตาร์บั๊คนี่เอง
โอฟีเลียพยายามจะผูกมิตรกับแมลง จึงเอาหนังสือนิทานมาเปิดให้ดู
ทันใดนั้นแมลงสตาร์บั๊ค ก็กลายร่างเป็นแฟรี่ เช่นเดียวกับตัวในหนังสือ ซึ่งทำให้โอฟีเลียตกใจมาก
แฟรี่ทำท่าบอกว่ามีบางอย่างจะให้ดู
โอฟีเลียจึงเดินตามแฟรี่ออกไปด้านนอกบ้าน ไปยังเส้นทางของเขาวงกตอันลึกลับ
เดินมาจนสุดทางก็พบกับทางเดินวนลงไปยังเบื้องล่างอันน่าพิศวง
เมื่อลงมาถึงโอฟีเลีย ก็พบกับเสาหินประหลาดแท่งนึง
ในขณะที่โอฟีเลียกำลังเดินชมสถานที่อยู่นั้นเอง แฟรี่ก็ได้บินมาหยุดลงบนสิ่ง สิ่งนึง...
" ท่าน.....ท่าน กลับมาแล้ว..... " |
โอฟีเลีย ถึงกับช๊อค
สิ่งนั้นก็ได้แนะนำตัวว่า ตนเองเป็นเทพารักษ์ เป็นสิ่งมีชีวิตในบรรพกาล นานนม ถมถืด ที่มีชื่อว่า Faun (ชื่ออ่านยากขอติดอังกฤษไว้ละกัน)
Faun |
แต่โอฟีเลียก็ไม่เชื่อ บอกว่าตนเองเป็นแค่ลูกของช่างตัดเสื้อ
Faun ก็เลยบอกว่า ให้ลองดูที่ไหล่ด้านซ้ายของตนเองดู จะพบรอยแผลเป็นรูปดวงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเจ้าหญิงโมน่า และยังบอกอีกว่าพ่อจริงๆ ของโอฟีเลียนั้น ได้มีคำสั่งให้ Faun และพวกแฟรี่ มาเปิดประตูเชื่อม ให้เจ้าหญิงกลับไปยังดินแดนเดิม ที่เคยจากมา และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เหลือเพียงแห่งเดียว ที่สามารถเป็นประตูได้
Faun ได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งให้โอฟีเลีย โดยบอกว่าหากทำภารกิจที่มีในหนังสือครบ ก่อนพระจันทร์เต็มดวง ก็จะสามารถกลับไปอยู่ในดินแดนเดิมได้
แล้ว Faun ก็จากไป
โอฟีเลียรีบเปิดอ่านทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า...
เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าแม่บ้านกำลังเตรียมน้ำให้โอฟีเลียไว้ใช้อาบ
แม่ของโอฟีเลียบอกว่า เย็นนี้กับตันไวเดิลจะมีการจัด Dinner Party ตนเองเลยตัดชุดสวยๆ มาให้โอฟีเลียได้ใส่ไปเข้างาน
" แม่ว่า มันสวยเหมือนหน้าลูกเลยนะ " |
ว่างเปล่า....
แต่ทันใดนั้นเอง ภาพที่เคยเลือนลางจางหายก็ปรากฏขึ้นมา
โอฟีเลียก็เริ่มเชื่อขึ้นมา แต่ก็ยังเหลืออีกอย่างให้พิสูจน์คือรอยแผลเป็นรูปดวงจันทร์
ไม่น่าเชื่อ เธอมีรอยแผลเป็นนั้นจริงๆ ทำให้โอฟีเลียมั่นใจแล้วว่าที่ Faun พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
เมื่ออาบน้ำเสร็จโอฟีเลียก็เดินเข้าครัวมาเจอกับเมอซิเดส
" งามแท้เหลา " |
โอฟีเลียได้เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟัง แต่เมอซิเดสก็คิดว่า โอฟีเลียแค่ฝันไป
" เมื่อคืนมีแฟรี่ มาหาโอฟีเลียด้วย " |
" หรอออ " |
กับตันไวเดิล ขอกุญแจห้องที่เมอซิเดสถืออยู่ พร้อมทั้งถามว่า มีแค่ดอกเดียวใช่มั้ย ซึ่งเมอซิเดสก็พยักหน้า พร้อมทำสีหน้าเหมือนเก็บงำความลับอะไรบางอย่างอยู่
ลูกน้องเรียกกับตันออกไปดูอะไรบางอย่าง
ไม่รอช้ากับตันไวเดิลได้พาทีมงาน ควบม้าไปตรวจสอบทันที
เมื่อไปถึงก็ไม่เจอใคร พบแค่เพียงร่องรอยการตั้งแคมป์ และหลอดยาปฎิชีวนะ
ฝ่ายพันธมิตรยืนสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ
ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็เดินทางไปทำภารกิจตามที่ในหนังสือว่าไว้
โดยภารกิจในครั้งนี้คือ เอาหินเวทมนตร์ไปใส่ไว้ในปากกบยักษ์ ซึ่งอาศัยอยู่ในโพรงใต้ต้นไม้โบราณ เพื่อให้กบยักษ์คายกุญแจทองคำออกมา
ถอดเสื้อแขวนไว้ก่อนกันเลอะ
แล้วโอฟีเลีย ก็เข้าไปยังที่ที่กบยักษ์อาศัย
เธอจะเจออะไรบ้างนะ
เมื่อคลานไปจนสุดโพรงก็พบกับ....มาเฟียคุมถิ่น กบยักษ์ของเรานี่เอง
โอฟีเลียประกาศตนทันทีว่าตนเองคือเจ้าหญิงโมน่า บลาๆ ขณะที่พูดอยู่ก็มีแมงสาบไต่ขึ้นมาบนหน้าเธอ
กบยักษ์ไม่รอช้า แดรกส์ ทันที ทำให้โอฟีเลียรู้ว่าการเจรจากับกบยักษ์จอมตะกละ ไร้สมองนั้น ไม่มีประโยชน์
ทำให้โอฟีเลียคิดได้ว่า กบยักษ์ชอบกินแมงสาบ เธอจึงจับแมงสาบมาใส่ไว้ในมือที่มีหินเวทมนตร์รวมอยู่ด้วย
เป็นไปตามที่คาดไว้กบยักษ์จอมตะกละ แดรกส์ เข้าไปทันที
เมื่อกบยักษ์ได้กลืนหินเวทมนตร์ลงไป ก็ได้สำรอกตัวเองออกมา
และแล้วก็เจอ กุญแจทองคำ ที่กำลังตามหา
โอฟีเลียออกมาจากโพรงอย่างเหน็ดเหนื่อย ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
เธอมองหาเสื้อที่ถอดแขวนไว้แต่ก็ไม่เจอ เธอจึงเดินหารอบๆ และพบเสื้อที่โดนลมพัดปลิวมาจมกองโคลนอยู่ ซึ่งตอนนี้มีสภาพที่เลวร้ายมาก
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเพื่อนๆ ของกับตันไวเดิลก็ทยอยเดินทางมาเพื่อร่วมปาร์ตี้อาหารเย็น
ในขณะที่พูดคุยกันตอนกินข้าว กับตันไวเดิลก็บอกทุกคนว่าตอนนี้รู้แล้วว่าพวกพันธมิตรอยู่ไม่ไกลจากค่ายนี้ โดยโชว์ หลอดยาปฎิชีวะที่เก็บได้ให้ทุกคนดู
จากท่าทีของกับตันไวเดิล ทำให้หมอกร และเมอซิเดสเริ่มทำท่าทางแปลกๆ
เมอซิเดสรีบปลีกตัวออกมา มาส่งสัญญาณบางอย่างให้กับคนที่หลบซ่อนอยู่ในป่า (ตอนนี้คงจะพอเดาได้แล้วนะ ว่า เมอซิเดส มันต้องเป็นสายให้พวกพันธมิตร ชัวร์ๆ)
ในขณะที่กำลังส่งสัญญาณอยู่นั่นเอง เมอซิเดสก็เห็นโอฟีเลียเดินกลับมาใน สภาพทรุดโทรม ทำให้เมอซิเดสตกใจมาก
เมอซิเดสรีบพาโอฟีเลียเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำ เมื่อแม่ของโอฟีเลียเห็นก็จัดหนักโอฟีเลียทันที
แม่ผิดหวังในตัวลูกมากนะ โอฟีเลีย |
ในคืนนั้นเองโอฟีเลียก็เดินกลับลงมายังเขาวงกตลึกลับ
โอฟีเลียบอก Faun ว่าตนเองได้กุญแจมาแล้ว
ดีมากกกก |
" เหลืออีกแค่ 2 ภารกิจเท่านั้น ก่อนที่พระจันทร์จะเต็มดวง " |
แต่ทว่าภาพที่ปรากฎออกมากลับเป็นรอยเลือดเต็มไปหมด ทำให้โอฟีเลียตกใจมาก
ทันใดนั้น โอฟีเลียก็ได้ยินเสียงร้องของแม่ตนเองดังขึ้นมา เมื่อเปิดประตูออกจากห้องน้ำก็พบกับ...
โอฟีเลีย...ย...ช่วย..ด้ว..ย.ย |
หลังจากการรักษาผ่านพ้นไป กัปตันไวเดิลก็ออกมาปรึกษากับหมอกรว่าจะทำยังไงดี หมอกรเลยแนะนำว่า ให้แม่ของโอฟีเลียนอนพักผ่อนเยอะๆ ห้ามถูกรบกวน โดยให้โอฟีเลียไปนอนห้องอื่น
โอฟีเลียจึงโดนย้ายมาอยู่อีกห้องนึง เธอกำลังอยู่ในสภาวะเศร้าโศกเสียใจ เมอซิเดสจึงเข้ามาปลอบ
ในดึกคืนนั้นเอง เมอซิเดสก็ได้ย่องมาเงียบๆ มาเปิดช่องลับที่เก็บซ่อนของบางอย่างไว้
หมอกรก็เดินย่องตามมาเหมือนกัน
เมอซิเดส : คุณพร้อมนะ ?
หมอกร : พร้อม
เมอซิเดส : งั้นเราไปกันเลย
เมอซิเดสและหมอกรเดินลึกเข้ามายังป่า มาเจอกับเปโดรผู้นำของกลุ่มพันธมิตร และยังเป็นน้องชายของเมอซิเดสอีกด้วย
ตัดกลับมาที่ห้องของโอฟีเลีย Faun ได้มาหาโอฟีเลีย แล้วโวยวายว่าทำไม โอฟีเลียถึงไม่ทำตามภารกิจ โอฟีเลียก็บอกเหตุผลไปว่าเพราะแม่ของตนเองกำลังป่วย จึงทำให้ไม่อยากจะทำอะไร
Faun ก็ได้ช่วยโอฟีเลียโดยการให้ต้นแมนเดรกมา ซึ่งเป็นยาไว้รักษาแม่ของโอฟีเลีย โดยบอกให้ใส่ไว้ในถ้วยนมสดๆ และทุกเช้าในแต่ละวันต้องเอาเลือดให้แมนเดรกกิน 2 หยด
ยังไม่หมดแค่นั้น Faun ยังให้กล่องที่ภายในมี Fairy อยู่ ให้กับโอฟีเลียอีกด้วย
ก่อนจะไป Faun ได้เตือนโอฟีเลียว่าภารกิจที่สองนั้นมีความอันตรายมาก ให้ระมัดระวังให้ดี เพราะสิ่งที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น มันไม่ใช่มนุษย์ และได้กำชับอีกว่า ห้ามกินอาหารใดๆ ก็ตามที่อยู่ในนั้น
" ระวังให้ดีหล่ะ เพราะสิ่งที่นิทราอยู่ในที่แห่งนั้น มันไม่ใช่มนุษย์ และจงระวังอย่าเผลอไปแตะต้องอาหารเหล่านั้น " |
เมื่อ Faun กลับไปแล้ว โอฟีเลียก็ได้นำหนังสือขึ้นมาเปิดเพื่อทำภารกิจต่อไปก่อนที่พระจันทร์จะเต็มดวง
โดยภายในหนังสือเขียนว่า " ชอร์กสามารถสร้างประตูทางเชื่่อม เมื่อประตูถูกเปิดออกให้ตั้งนาฬิกาทรายเอาไว้ แล้วให้ Fairy เป็นผู้นำทางไปสู่สิ่งที่กำลังค้นหา "
โอฟีเลียไม่รอช้า ทำตามที่หนังสือบอกทันที
และแล้วประตูสู่ห้องแห่งความลับ...ก็ถูกเปิดออก
เธอเดินลงไปทันที
นาฬิกาทรายก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปทีละน้อย
ในสุดทางเดินนั้นเองก็มีห้องโถง และตรงกลางห้องโถงก็มีโต๊ะอาหารซึ่งมีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด
โอฟีเลียถึงกับชะงักเมื่อพบกับ Pale man นั่งแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่หัวโต๊ะ
Pale man |
ด้านข้างมีรองเท้าของเด็กๆ ที่ถูกตัวประหลาดจับไปแดกส์
แฟรี่ มาชี้บอกตำแหน่งที่สิ่งของถูกเก็บซ่อนไว้
สิ่งของที่ถูกเก็บซ้อนไว้คือ กริช นั่นเอง
ในขณะที่กำลังจะเดินกลับ สายตาของโอฟีเลียก็เหลือบไปมองเหล่าอาหารที่แสนยั่วยวนที่วางอยู่บนโต๊ะ
โอฟีเลียคิดว่า กินสักนิดคงจะไม่เสียหายอะไรมั้ง เธอจึงเด็ดองุ่นมากิน โดยที่ไม่สนใจแม้เหล่าแฟรี่จะมาห้ามก็ตาม
โอฟีเลียหารู้ไม่ว่า อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะนั่น เป็นอาหารที่ต้องเวทมนตร์ หากผู้ใดเผลอหยิบไปกิน จะเป็นการปลุกให้ Pale man ตื่นขึ้นมา
ที่แท้ที่วางอยู่ก็คือลูกกะตา ของ Pale man นี่เอง |
แฟรี่พยายามจะช่วยโอฟีเลียด้วยการเข้าไปกวน Pale man ทำให้โอฟีเลียตื่นจากมนตร์สะกดของอาหาร
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายแฟรี่ก็โดน Pale man จับแดกส์
โอฟีเลียถึงกับช๊อค รีบวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามชม...
แปลฮานะ
ตอบลบแปลดีภาพคมชัดมากค่ะ
ตอบลบไม่มีต่อแล้วเหรอคะ
ตอบลบ