กระทู้ฉายหนัง : Pan's Labyrinth

Pan's Labyrinth


หลายคนอ่านชื่อเรื่องแล้วคงคิดว่าต้องเป็นหนังแอ๊บแบ๋ว แบบเด็กๆ แน่ๆ เลย แต่จะบอกไว้นะครับว่าเรื่องนี้โดนแบนไม่ให้ฉายในบางประเทศ แต่ว่่ากลับได้รางวัลออสการ์ Best Art Direction อยากรู้เป็นยังไงต้องดูให้ได้ครับ ห้ามพลาด


จะเริ่มฉายหนังแล้วนะครับ ใครที่กลัวว่าดูก่อนได้ดูหนังจริงแล้วจะเสียอารมณ์ก็ปิดไปเลยครับ

หนังเรื่องนี้มีฉาก หรือเนื้อหา คำพูดที่รุนแรงมาก โปรดใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการรับชม เพราะเรื่องศีลธรรม จริยธรรม คนเราคิด ตัดสินกันเองได้ครับ สอนกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา 


เกริ่นเรื่อง

สเปนในปี 1944 เป็นเรื่องราวที่อยู่ในสมัยสิ้นสุดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายพันธมิตรและ ฝ่ายเผด็จการฟานซิสต์ แต่ก็ยังมีกลุ่ม New ฟานซิสต์ที่หลงเหลือ ซ่องสุมกองกำลังอยู่ในหุบเขา ทางฝ่ายพันธมิตรเลยมีคำสั่งให้ถอนรากถอนโคนทิ้งซะ....





เปิดโรง......

เมื่อนานมาแล้ว....ยังดินแดนที่ไม่มีทั้งการหลอกลวง โป้ปด และปราศจากความทุกข์ใดๆ ยังมีเจ้่าหญิงองค์หนึ่งซึ่งฝันถึงโลกมนุษย์อันสวยงามที่มีทั้งท้องฟ้าสีคราม  สายลม และแสงแดด


วันหนึ่ง...เธอได้พยายามหลบหนีออกไปยังโลกมนุษย์


แต่ทว่า.... แสงแดดที่เจิดจ้านั้นเป็นเสมือนม่านบังตา ทำให้เจ้่าหญิงลืมทุกสิ่งที่ผ่านมา




เจ้าหญิงจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาจากไหน  ร่างกายของเธอทรมาณด้วยความหนาวเย็น และความเจ็บปวด และในท้ายที่สุดเจ้าหญิงก็สิ้นพระชนม์ลง


แต่องค์ราชาพ่อของเจ้าหญิง รู้ว่าวันนึงวิญญาณของเจ้าหญิงจะกลับคืนมา เพียงแต่อยู่ในคนละร่างกาย คนละที่ และคนละเวลา...องค์ราชาจะเฝ้ารอเจ้าหญิงกลับมา จนกว่าจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายของเค้า...


และคนที่อ่าน หนังสือเล่มนี้อยู่ก็คือ โอฟีเลีย นางเอกแสนสวยของเรา และที่นั่งข้างๆ ก็คือแม่ของโอฟีเลีย ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ใกล้คลอดเต็มที ทั้งสองอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังค่ายทหารของกัปตันไวเดิล


แม่ของโอฟีเลีย บอกโอฟีเลียว่าอย่าไปหมกมุ่นกับพวกหนังสือเทพนิยาย ให้มันมากนัก เพราะมันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ


ในระหว่างนั้นเองแม่ของโอฟีเลีย ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก จึงบอกให้โอฟีเลียบอกคนขับให้หยุดรถ



รถก็ได้หยุดลงกลางป่าแห่งหนึ่งระหว่างทาง


แม่ของโอฟีเลียอาการไม่ค่อยดี จึงลงมาอาเจียน โอฟีเลียจึงใช้โอกาสนี้เดินชมวิว


ระหว่างที่โอฟีเลียกำลังเดินชมวิวอยู่นั้นเอง โอฟีเลียก็ได้ไปพบกับหินประหลาดก้อนหนึ่งวางอยู่บนพื้น
เธอเลยหยิบมันขึ้นมาดู


โอฟีเลียกำลัง งง ว่าหินประหลาดก้อนนี้มาจากไหน เธอเลยเดินไปเดินมา จนไปเจอกับเสาหินต้นหนึ่ง


เธอจึงเดินไปดูอีกด้าน  และเธอเห็นว่าหินประหลาดเมื่อกี้มันน่าจะหลุดออกมาจากเสาหินต้นนี้



โอฟีเลียจึงเอาหินยัดกลับเข้าไปในเสาหินต้นนั้น


ปรากฎว่าเมื่อยัดหินกลับเข้าไป ก็ได้มีแมลงสตาร์บัคค์ ออกมาจากปากของเสาหิน


แมลงสตาร์บัคค์ไปเกาะบนรูปปั้นนั้นพร้อมทั้งมองหน้าของโอฟีเลีย


ในขณะที่จ้องตากันอยู่นั้นเอง แม่ของโอฟีเลีย ก็เรียกโอฟีเลียให้ไปขึ้นรถ แมลงสตาร์บั๊คก็เลยบินจากไป


แม่ของโอฟีเลียบอกโอฟีเลียว่า เมื่อไปถึงค่ายแล้ว ให้เรียกกับตันไวเดิล ว่าพ่อ ซึ่งทำให้โอฟีเลียไม่ค่อยพอใจ

" แม่อยากให้ลูกเรียกเค้าว่าพ่อ ลูกไม่รู้หรอกว่าเค้าดีกับเราขนาดไหน  "












ซึ่งในขณะนั้นแมลงสตาร์บัค ก็ได้แอบดูเหตุการณ์อยู่


ตัดฉากไปที่มือคนกำลังถือ นาฬิกาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ


ในขณะนั้นรถของโอฟีเลียกับแม่ก็มาถึงค่ายพอดี


ที่แท้คนที่ถือนาฬิกาอยู่ก็คือ กัปตันไวเดิลจอมเนี้ยบ นี่เอง

" มาช้าไป 15 นาที "

กับตันก็ได้เดินมาต้อนรับแม่ของโอฟีเลียอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับเอามือไปลูบท้องแม่ของโอฟีเลีย



หลังจากนั้นโอฟีเลียก็ได้เดินออกมาจากรถ มายืนจ้องหน้ากับกัปตันไวเดิล


โอฟีเลียยื่นมือไปหวังจะจับมือผูกมิตร


ทันใดนั้นเอง ก็โดนกัปตันเอามือมาบีบมือของโอฟีเลียอย่างแรง


" เค้าใช้มือขวาจับมือกันต่างหาก โอฟีเลีย "

โอฟีเลียถึงกับเศร้าที่มาถึงปุ๊บก็โดนดุปั๊บ


แต่ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็ได้เห็นแมลงสตาร์บัค เกาะอยู่บนกระสอบด้านหน้าของเธอ


โอฟีเลียพยายามเข้าไปจับ แต่แมลงสตาร์บัคก็บินหนี


เธอจึงวิ่งตามแมลงสตาร์บัคไป


ในระหว่างที่วิ่งตามแมลงสตาร์บัคเข้าไปในป่านั้นเอง โอฟีเลียก็ต้องหยุดชะงักเมื่อไปเห็นซุ้มประตูที่ดูน่ากลัว




แต่โอฟีเลียก็ยังอุตส่าเดินเข้าไปดูด้านใน


ทันใดนั้นก็มีคนโผล่มา ซึ่งเธอก็คือ เมอซิเดส (เป็นคนรับใช้ของกัปตัน)  เมอซิเดสได้บอกโอฟีเลียว่าที่นี้คือเขาวงกตที่มีอยู่แต่โบราณกาลนานมากแล้ว พร้อมทั้งบอกให้โอฟีเลียรีบกลับไป เพราะอาจจะพลัดหลงในเข้าวงกตได้

เมอซิเดส - คนรับใช้ของกับตันไวเดิล

ระหว่างเดินกลับโอฟีเลียได้เล่าให้เมอซิเดสฟังว่า จริงๆ แล้วกัปตันไวเดิลไม่ได้เป็นพ่อของเธอ พ่อจริงๆ ของเธอเป็นทหาร และตายในสงคราม


ตอนเดินกลับก็ไม่วาย โดนแมลงสตาร์บัค จับตาดู


ตัดฉากมาที่ห้องประชุมของกัปตัน ซึ่งตอนนี้กำลังประชุมเรื่องการรับมือกับทหารพันธมิตร


ตอนประชุมอยู่ เมอซิเดสก็ได้นำอาหารมาเสิร์ฟ พร้อมทั้งทำท่าทางมีลับลมคมใน



ตัดฉากมายังห้องนอนแม่ของโอฟีเลีย ซึ่งตอนนี้หมอกร กำลังเตรียมยาให้แม่ของโอฟีเลียกินอยู่

หมอกร - หมอเก่งที่สุดประจำค่ายพัก เพราะมีอยู่คนเดียว

ตอนออกมาจากห้องของแม่โอฟีเลีย เมอซิเดสก็ได้เดินมาคุยกับหมอกร ทั้งสองคนดูท่าทางมีลับลมคมใน และหมอกรได้มอบหีบห่อบางอย่างให้เมอซิเดสไป

" นี่คือทั้งหมดที่ผมสามารถหามาได้ "

แต่ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็ได้แอบดูเหตุการณ์อยู่ ซึ่งเมอซิเดสดันไปเห็นพอดีว่าโอฟีเลียแอบดูอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


หลังจากนั้นโอฟีเลียก็กลับเข้าห้อง ขณะนี้ทั้งสองคนแม่ลูกกำลังจะนอนพักผ่อน หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง


ก่อนจะนอนโอฟีเลียก็ได้พูดเรื่องที่มาอยู่กับกัปตันไวเดิลให้ฟัง ว่าแม่คิดดีแล้วเหรอที่มาอยู่กับเขา  แต่แม่ของโอฟีเลียก็ได้ให้เหตุผลไปว่า " แม่อยู่ตัวคนเดียวมันเหงา มาอยู่กับเขาดีกว่า "


แม่ของโอฟีเลีย ให้โอฟีเลียเล่านิทานให้น้องในท้องฟังก่อนนอน


ในระหว่างที่เล่าอยู่นั้นแมลงสตาร์บั๊ค ก็มาคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด


ตัดมาที่ห้องทำงานของกับตันไวเดิล ซึ่งตอนนี้หมอกรกำลังมารายงานอาการของแม่โอฟีเลียให้ฟัง ซึ่งกับตันถามถึงแต่อาการของลูกในท้อง โดยไม่ได้ใส่ใจอาการแม่ของโอฟีเลียเลย


ลูกน้องของกับตันไวเดิล เข้ามาบอกว่ามีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่จับได้ที่ป่าทางเหนือ คาดว่าน่าจะเป็นฝ่ายพันธมิตรจึงเรียกกับตันไปเคลีย


สองพ่อลูกผู้โชคร้ายที่ไม่ได้ทำอะไรผิดพยายามจะอธิบายเรื่องราวต่างๆ

 ด้วยความอำมหิตของกับตัน สองพ่อลูกเลยโดนฆ่าอย่างทารุณ ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไงก็ตาม


ในคืนนั้นเองโอฟีเลีย ได้ยินเสียงประหลาดจึงตื่นขึ้นมาดู


ที่แท้ก็เป็นเสียงของแมลงสตาร์บั๊คนี่เอง


โอฟีเลียพยายามจะผูกมิตรกับแมลง จึงเอาหนังสือนิทานมาเปิดให้ดู


ทันใดนั้นแมลงสตาร์บั๊ค ก็กลายร่างเป็นแฟรี่ เช่นเดียวกับตัวในหนังสือ ซึ่งทำให้โอฟีเลียตกใจมาก


แฟรี่ทำท่าบอกว่ามีบางอย่างจะให้ดู


โอฟีเลียจึงเดินตามแฟรี่ออกไปด้านนอกบ้าน ไปยังเส้นทางของเขาวงกตอันลึกลับ



เดินมาจนสุดทางก็พบกับทางเดินวนลงไปยังเบื้องล่างอันน่าพิศวง



เมื่อลงมาถึงโอฟีเลีย ก็พบกับเสาหินประหลาดแท่งนึง


ในขณะที่โอฟีเลียกำลังเดินชมสถานที่อยู่นั้นเอง แฟรี่ก็ได้บินมาหยุดลงบนสิ่ง สิ่งนึง...


" ท่าน.....ท่าน กลับมาแล้ว..... "

โอฟีเลีย ถึงกับช๊อค


สิ่งนั้นก็ได้แนะนำตัวว่า ตนเองเป็นเทพารักษ์ เป็นสิ่งมีชีวิตในบรรพกาล นานนม ถมถืด ที่มีชื่อว่า Faun (ชื่ออ่านยากขอติดอังกฤษไว้ละกัน)

Faun 
Faun บอกว่า จริงๆ แล้วโอฟีเลียคือเจ้าหญิงโมน่า ที่เป็นธิดาของกษัตริย์แห่งใต้พิภพ


แต่โอฟีเลียก็ไม่เชื่อ บอกว่าตนเองเป็นแค่ลูกของช่างตัดเสื้อ


Faun ก็เลยบอกว่า ให้ลองดูที่ไหล่ด้านซ้ายของตนเองดู จะพบรอยแผลเป็นรูปดวงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเจ้าหญิงโมน่า และยังบอกอีกว่าพ่อจริงๆ ของโอฟีเลียนั้น ได้มีคำสั่งให้ Faun และพวกแฟรี่ มาเปิดประตูเชื่อม ให้เจ้าหญิงกลับไปยังดินแดนเดิม ที่เคยจากมา และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เหลือเพียงแห่งเดียว ที่สามารถเป็นประตูได้


Faun ได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งให้โอฟีเลีย โดยบอกว่าหากทำภารกิจที่มีในหนังสือครบ ก่อนพระจันทร์เต็มดวง ก็จะสามารถกลับไปอยู่ในดินแดนเดิมได้


แล้ว Faun ก็จากไป


โอฟีเลียรีบเปิดอ่านทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า...


เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าแม่บ้านกำลังเตรียมน้ำให้โอฟีเลียไว้ใช้อาบ


แม่ของโอฟีเลียบอกว่า เย็นนี้กับตันไวเดิลจะมีการจัด Dinner Party ตนเองเลยตัดชุดสวยๆ มาให้โอฟีเลียได้ใส่ไปเข้างาน


" แม่ว่า มันสวยเหมือนหน้าลูกเลยนะ "
โอฟีเลียจึงเข้าไปอาบน้ำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะนำหนังสือที่ Faun ให้มาเข้าไปอ่านด้วย


ว่างเปล่า....


แต่ทันใดนั้นเอง ภาพที่เคยเลือนลางจางหายก็ปรากฏขึ้นมา




โอฟีเลียก็เริ่มเชื่อขึ้นมา แต่ก็ยังเหลืออีกอย่างให้พิสูจน์คือรอยแผลเป็นรูปดวงจันทร์

ไม่น่าเชื่อ เธอมีรอยแผลเป็นนั้นจริงๆ ทำให้โอฟีเลียมั่นใจแล้วว่าที่ Faun พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง


เมื่ออาบน้ำเสร็จโอฟีเลียก็เดินเข้าครัวมาเจอกับเมอซิเดส


" งามแท้เหลา "
โอฟีเลียบอกอยากกินมิลค์เชค เมอซิเดสจึงออกไปรีดนมวัวให้ โดยโอฟีเลียก็ตามออกไปด้วย


โอฟีเลียได้เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟัง แต่เมอซิเดสก็คิดว่า โอฟีเลียแค่ฝันไป

" เมื่อคืนมีแฟรี่ มาหาโอฟีเลียด้วย "

" หรอออ "
แต่ยังไม่ทันพูดเท่าไรนัก กับตันไวเดิลก็เดินมาตามตัวเมอซิเดสให้ไปช่วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่มีการนำเสบียงอาหารเข้ามาเพิ่ม


กับตันไวเดิล ขอกุญแจห้องที่เมอซิเดสถืออยู่ พร้อมทั้งถามว่า มีแค่ดอกเดียวใช่มั้ย ซึ่งเมอซิเดสก็พยักหน้า พร้อมทำสีหน้าเหมือนเก็บงำความลับอะไรบางอย่างอยู่



ลูกน้องเรียกกับตันออกไปดูอะไรบางอย่าง



ไม่รอช้ากับตันไวเดิลได้พาทีมงาน ควบม้าไปตรวจสอบทันที


เมื่อไปถึงก็ไม่เจอใคร พบแค่เพียงร่องรอยการตั้งแคมป์ และหลอดยาปฎิชีวนะ

 ฝ่ายพันธมิตรยืนสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ

 ในขณะนั้นเองโอฟีเลียก็เดินทางไปทำภารกิจตามที่ในหนังสือว่าไว้



โดยภารกิจในครั้งนี้คือ เอาหินเวทมนตร์ไปใส่ไว้ในปากกบยักษ์ ซึ่งอาศัยอยู่ในโพรงใต้ต้นไม้โบราณ เพื่อให้กบยักษ์คายกุญแจทองคำออกมา

 ถอดเสื้อแขวนไว้ก่อนกันเลอะ

 แล้วโอฟีเลีย ก็เข้าไปยังที่ที่กบยักษ์อาศัย


เธอจะเจออะไรบ้างนะ



เมื่อคลานไปจนสุดโพรงก็พบกับ....มาเฟียคุมถิ่น กบยักษ์ของเรานี่เอง

 โอฟีเลียประกาศตนทันทีว่าตนเองคือเจ้าหญิงโมน่า บลาๆ ขณะที่พูดอยู่ก็มีแมงสาบไต่ขึ้นมาบนหน้าเธอ


กบยักษ์ไม่รอช้า แดรกส์ ทันที ทำให้โอฟีเลียรู้ว่าการเจรจากับกบยักษ์จอมตะกละ ไร้สมองนั้น ไม่มีประโยชน์

 ทำให้โอฟีเลียคิดได้ว่า กบยักษ์ชอบกินแมงสาบ เธอจึงจับแมงสาบมาใส่ไว้ในมือที่มีหินเวทมนตร์รวมอยู่ด้วย

 เป็นไปตามที่คาดไว้กบยักษ์จอมตะกละ แดรกส์ เข้าไปทันที


เมื่อกบยักษ์ได้กลืนหินเวทมนตร์ลงไป ก็ได้สำรอกตัวเองออกมา



และแล้วก็เจอ กุญแจทองคำ ที่กำลังตามหา


โอฟีเลียออกมาจากโพรงอย่างเหน็ดเหนื่อย ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว


เธอมองหาเสื้อที่ถอดแขวนไว้แต่ก็ไม่เจอ เธอจึงเดินหารอบๆ และพบเสื้อที่โดนลมพัดปลิวมาจมกองโคลนอยู่ ซึ่งตอนนี้มีสภาพที่เลวร้ายมาก



ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเพื่อนๆ ของกับตันไวเดิลก็ทยอยเดินทางมาเพื่อร่วมปาร์ตี้อาหารเย็น


ในขณะที่พูดคุยกันตอนกินข้าว กับตันไวเดิลก็บอกทุกคนว่าตอนนี้รู้แล้วว่าพวกพันธมิตรอยู่ไม่ไกลจากค่ายนี้ โดยโชว์ หลอดยาปฎิชีวะที่เก็บได้ให้ทุกคนดู

 จากท่าทีของกับตันไวเดิล ทำให้หมอกร และเมอซิเดสเริ่มทำท่าทางแปลกๆ



 เมอซิเดสรีบปลีกตัวออกมา มาส่งสัญญาณบางอย่างให้กับคนที่หลบซ่อนอยู่ในป่า (ตอนนี้คงจะพอเดาได้แล้วนะ ว่า เมอซิเดส มันต้องเป็นสายให้พวกพันธมิตร ชัวร์ๆ)

 ในขณะที่กำลังส่งสัญญาณอยู่นั่นเอง เมอซิเดสก็เห็นโอฟีเลียเดินกลับมาใน สภาพทรุดโทรม ทำให้เมอซิเดสตกใจมาก

 เมอซิเดสรีบพาโอฟีเลียเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำ เมื่อแม่ของโอฟีเลียเห็นก็จัดหนักโอฟีเลียทันที

แม่ผิดหวังในตัวลูกมากนะ โอฟีเลีย

ในคืนนั้นเองโอฟีเลียก็เดินกลับลงมายังเขาวงกตลึกลับ


โอฟีเลียบอก Faun ว่าตนเองได้กุญแจมาแล้ว


ดีมากกกก
Faun บอกให้โอฟีเลียเก็บกุญแจไว้ก่อน เธอจะต้องได้ใช้ภายในเร็วๆ นี้แน่นอน หลังจากนั้น Fuan ก็ได้มอบชอร์กมาแท่งนึงให้โอฟีเลียเพื่อใช้ในภารกิจที่ 2

" เหลืออีกแค่ 2 ภารกิจเท่านั้น ก่อนที่พระจันทร์จะเต็มดวง "
ณ เช้าวันถัดมา โอฟีเลียก็เปิดหนังสืออีกครั้ง เพื่อดูภารกิจถัดไป


แต่ทว่าภาพที่ปรากฎออกมากลับเป็นรอยเลือดเต็มไปหมด ทำให้โอฟีเลียตกใจมาก



ทันใดนั้น โอฟีเลียก็ได้ยินเสียงร้องของแม่ตนเองดังขึ้นมา เมื่อเปิดประตูออกจากห้องน้ำก็พบกับ...



โอฟีเลีย...ย...ช่วย..ด้ว..ย.ย
 โอฟีเลียถึงกับหน้าซีด รีบวิ่งหน้าตั้งไปตามกัปตันไวเดิลให้มาช่วยแม่ของตนเองทันที


หลังจากการรักษาผ่านพ้นไป กัปตันไวเดิลก็ออกมาปรึกษากับหมอกรว่าจะทำยังไงดี หมอกรเลยแนะนำว่า ให้แม่ของโอฟีเลียนอนพักผ่อนเยอะๆ ห้ามถูกรบกวน โดยให้โอฟีเลียไปนอนห้องอื่น


โอฟีเลียจึงโดนย้ายมาอยู่อีกห้องนึง เธอกำลังอยู่ในสภาวะเศร้าโศกเสียใจ เมอซิเดสจึงเข้ามาปลอบ



ในดึกคืนนั้นเอง เมอซิเดสก็ได้ย่องมาเงียบๆ มาเปิดช่องลับที่เก็บซ่อนของบางอย่างไว้








หมอกรก็เดินย่องตามมาเหมือนกัน
เมอซิเดส : คุณพร้อมนะ ?
หมอกร : พร้อม
เมอซิเดส : งั้นเราไปกันเลย



เมอซิเดสและหมอกรเดินลึกเข้ามายังป่า มาเจอกับเปโดรผู้นำของกลุ่มพันธมิตร และยังเป็นน้องชายของเมอซิเดสอีกด้วย



ตัดกลับมาที่ห้องของโอฟีเลีย Faun ได้มาหาโอฟีเลีย แล้วโวยวายว่าทำไม โอฟีเลียถึงไม่ทำตามภารกิจ โอฟีเลียก็บอกเหตุผลไปว่าเพราะแม่ของตนเองกำลังป่วย จึงทำให้ไม่อยากจะทำอะไร



Faun ก็ได้ช่วยโอฟีเลียโดยการให้ต้นแมนเดรกมา ซึ่งเป็นยาไว้รักษาแม่ของโอฟีเลีย โดยบอกให้ใส่ไว้ในถ้วยนมสดๆ และทุกเช้าในแต่ละวันต้องเอาเลือดให้แมนเดรกกิน 2 หยด

ยังไม่หมดแค่นั้น Faun ยังให้กล่องที่ภายในมี Fairy อยู่ ให้กับโอฟีเลียอีกด้วย

ก่อนจะไป Faun ได้เตือนโอฟีเลียว่าภารกิจที่สองนั้นมีความอันตรายมาก ให้ระมัดระวังให้ดี เพราะสิ่งที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น มันไม่ใช่มนุษย์ และได้กำชับอีกว่า ห้ามกินอาหารใดๆ ก็ตามที่อยู่ในนั้น

" ระวังให้ดีหล่ะ เพราะสิ่งที่นิทราอยู่ในที่แห่งนั้น มันไม่ใช่มนุษย์ และจงระวังอย่าเผลอไปแตะต้องอาหารเหล่านั้น "

เมื่อ Faun กลับไปแล้ว โอฟีเลียก็ได้นำหนังสือขึ้นมาเปิดเพื่อทำภารกิจต่อไปก่อนที่พระจันทร์จะเต็มดวง



โดยภายในหนังสือเขียนว่า " ชอร์กสามารถสร้างประตูทางเชื่่อม  เมื่อประตูถูกเปิดออกให้ตั้งนาฬิกาทรายเอาไว้ แล้วให้ Fairy เป็นผู้นำทางไปสู่สิ่งที่กำลังค้นหา "



โอฟีเลียไม่รอช้า ทำตามที่หนังสือบอกทันที



และแล้วประตูสู่ห้องแห่งความลับ...ก็ถูกเปิดออก



เธอเดินลงไปทันที


นาฬิกาทรายก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปทีละน้อย

 ในสุดทางเดินนั้นเองก็มีห้องโถง และตรงกลางห้องโถงก็มีโต๊ะอาหารซึ่งมีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด

 โอฟีเลียถึงกับชะงักเมื่อพบกับ Pale man นั่งแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่หัวโต๊ะ


Pale man
ด้านข้างมีรองเท้าของเด็กๆ ที่ถูกตัวประหลาดจับไปแดกส์

แฟรี่ มาชี้บอกตำแหน่งที่สิ่งของถูกเก็บซ่อนไว้


ไขเบย

 สิ่งของที่ถูกเก็บซ้อนไว้คือ กริช นั่นเอง

ในขณะที่กำลังจะเดินกลับ สายตาของโอฟีเลียก็เหลือบไปมองเหล่าอาหารที่แสนยั่วยวนที่วางอยู่บนโต๊ะ

โอฟีเลียคิดว่า กินสักนิดคงจะไม่เสียหายอะไรมั้ง เธอจึงเด็ดองุ่นมากิน โดยที่ไม่สนใจแม้เหล่าแฟรี่จะมาห้ามก็ตาม


โอฟีเลียหารู้ไม่ว่า อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะนั่น เป็นอาหารที่ต้องเวทมนตร์ หากผู้ใดเผลอหยิบไปกิน จะเป็นการปลุกให้ Pale man ตื่นขึ้นมา

ที่แท้ที่วางอยู่ก็คือลูกกะตา ของ Pale man นี่เอง
มันเดินมาแล้วววว......แต่โอฟีเลียก็ยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป ราวกับโดนความอร่อยของอาหารสะกดเอาไว้ โดยไม่สนใจแม้แฟรี่จะห้ามเพียงใด

แฟรี่พยายามจะช่วยโอฟีเลียด้วยการเข้าไปกวน Pale man ทำให้โอฟีเลียตื่นจากมนตร์สะกดของอาหาร

 แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายแฟรี่ก็โดน Pale man จับแดกส์



 โอฟีเลียถึงกับช๊อค รีบวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต


 เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามชม...

3 ความคิดเห็น: